แสงสว่างเล็กๆ ในเมืองที่ปกครองด้วยเงิน
หักความเห็นข้อไม่สมบูรณ์! อสส.สั่งรับฟ้อง 8 ผู้ถูกกล่าวหาคดีช่วย'บอส' -'สมยศ-เนตร' โดนด้วยเขียนวันที่วันอังคาร ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 12:39 น.เขียนโดยisranews
นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการได้แถลงข่าวกรณีเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้องในการกลับคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา ในข้อหาขับรถยนต์ชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ เสียชีวิตเมื่อปี 2555
ระบุว่า อัยการสูงสุด อสส. รับดำเนินคดีอาญาฟ้องร้อง พล.ต.อ.สมยศ ผูู้กกล่าวหาที่ 1 พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 นายเนตร นาคสุข ผู้ถูกกล่าวหาที่ 10 นายชัยณรงค์ แสงทองอร่าม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 9 นายธนิต บัวเขียว ผู้ถูกกล่าวหาที่ 12 นายชูชัย หรือ พิชัย เลิศพงศ์อดิศร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 13 นายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 19 ตามมติของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ส่งเรื่องมาให้แล้ว
ทั้งนี้ อสส. มอบหมายให้พนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต เป็นผู้ฟ้องและดำเนินคดี ผู้ถูกกล่าวหาทั้งแปดคนแทนอัยการสูงสุด และให้แจ้งคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทราบ เพื่อให้ดำเนินการส่งผู้ถูกกล่าวหาทั้งแปดที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งรับดำเนินคดีฟ้อง โดยให้ส่งตัวไปยังสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต เพื่อฟ้องคดีภายในอายุความตามกฎหมายต่อไป (อ่านรายละเอียดในรายงานท้ายเรื่อง)
นายประยุทธ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ขั้นตอนต่อไปการดำเนินการของอัยการสูงสุดจะมีหนังสือแจ้งไปที่ ปปช.เพื่อดำเนินการให้ได้ตัวมาตามที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งรับดำเนินคดี ซึ่งคดีนี้เข้าเขตอำนาจศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบฯ สำหรับคำสั่งของอัยการสูงสุดครั้งนี้ถือว่าเสร็จสิ้นการสั่งคดีตามขั้นตอนกฎหมายต่อไปเป็นการพิจารณาคดีในชั้นศาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้ก่อนที่ อสส.จะรับดำเนินคดีมีรายงานว่า เดิมสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ได้เสนอความเห็นต่ออัยการสูงสุด (อสส.) เกี่ยวกับข้อไม่สมบูรณ์ในสำนวนการสอบสวนคดีนี้ เเละขอให้ตั้งคณะทำงานร่วมกัน 2 ฝ่าย เพื่อพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ เเต่เมื่อสำนวนมาถึง นายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อสส. พิจารณาเเล้วมีคำสั่งรับดำเนินคดีโดยไม่ต้องตั้งข้อไม่สมบูรณ์
---------
(1) พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมาธิการ ในคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1)
(2) พลตำรวจตรี ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐาน (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5)
ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาหรือจัดการให้เป็นไปตามหมายอาญา กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใด ๆ ในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อจะช่วยบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องโทษหรือให้รับโทษน้อยลง และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 86, 157, 200 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2502 มาตรา 13 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 26) พ.ศ. 2560 มาตรา 4, 7 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 65 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172
(3) พันตำรวจเอก วิรดล ทับทิมดี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งพนักงานสืบสวนสอบสวน (สบ 3) สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7) ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ฐานเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาหรือจัดการให้เป็นไปตามหมายอาญา กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใด ๆ ในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อจะช่วยบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 157, 200 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2502 มาตรา 13 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 26) พ.ศ. 2560 มาตรา 4, 7 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 65 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172
(4) นายเนตร นาคสุข เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองอัยการสูงสุด (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 10) ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, ฐานเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาหรือจัดการให้เป็นไปตามหมายอาญา กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใด ๆ ในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อจะช่วยบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องโทษหรือให้รับโทษน้อยลง และฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 200 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2502 มาตรา 13 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 26) พ.ศ. 2560 มาตรา 4, 7 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172
(5) นายชัยณรงค์ แสงทองอร่าม พนักงานอัยการ (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 9)
(6) นายธนิต บัวเขียว (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 12)
(7) นายชูชัย หรือพิชัย เลิศพงศ์อดิศร (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 13)
(8) รองศาสตราจารย์ ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 19)
ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาหรือจัดการให้เป็นไปตามหมายอาญา กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใด ๆ ในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อจะช่วยบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องโทษหรือให้รับโทษน้อยลง และฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86, 157, 200 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2502 มาตรา 13 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 26) พ.ศ. 2560 มาตรา 4, 7 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 65 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172
อัยการสูงสุด มอบหมายให้พนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต เป็นผู้ฟ้องและดำเนินคดี ผู้ถูกกล่าวหาทั้งแปดคนแทนอัยการสูงสุด และให้แจ้งคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทราบ เพื่อให้ดำเนินการส่งผู้ถูกกล่าวหาทั้งแปดที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งรับดำเนินคดีฟ้อง โดยให้ส่งตัวไปยังสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต เพื่อฟ้องคดีภายในอายุความตามกฎหมายต่อไป
สำหรับผู้ถูกกล่าวหาอื่น ๆ ได้แก่
พลตำรวจโท มนู เมฆหมอก ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 และ พันตำรวจเอก วิวัฒน์ สิทธิสรเดช ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติกันไว้เป็นพยาน
พันตำรวจโท ปัณณ์ณภณ นามเมือง หรือคทาธร พัชรนามเมือง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 8 พลอากาศโท จักรกฤช ถนอมกุลบุตร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 14 และ พลอากาศโท สุรเชษฐ ทองสลวย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 15 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตาม ป.วิ. อาญา และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 63
พลตำรวจโท เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ถูกกล่าวที่ 11 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนเพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 64
นายธานี อ่อนละเอียด ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2
พันตำรวจโท ทรงวุฒิ เจริญวิชยเดช ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3
นายวรพล โสคติยานุรักษ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 16
นายอุสาห์ ชูสินธ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 17 และ
นางสาวณัฎณิชา ทองชื่น ผู้ถูกกล่าวหาที่ 18
คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติไม่ชี้มูลความผิด